หลักการเกี่ยวกับไฟฟ้า
1. การผลิตไฟฟ้ามีหลักการอย่างไร และใช้อะไรเป็นต้นกำเนิดพลังงานได้บ้าง ?
(source: http://www.learneasy.info/MDME/iTester/tests/10901_Thermo_Basics/images/generating_electricity.html)
หลักการคือ การหาต้นกำเนิดพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน น้ำมัน ชีวมวล พลังน้ำ พลังลม และพลังงานนิวเคลียร์ มาขับเคลื่อน (หมุน) เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้น กระแสไฟฟ้าที่ได้จะถูกส่งไปตามสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และปรับลดแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสมแก่การใช้งาน
ยกเว้นในกรณีพลังงานแสงอาทิตย์ที่อาศัยการผลิตกระแสไฟฟ้าจากปฏิกิริยาในเซลล์แสงอาทิตย์
2.ข้อดีและข้อเสียของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ มีอะไรบ้าง ?
3.โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ทำงานอย่างไร?
โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีการทำงานเหมือนกับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนทั่วไป คือใช้ความร้อนในการต้มน้ำให้เดือดเป็นไอน้ำความดันสูง และนำไปหมุนกังหันไอน้ำที่เชื่อมต่อกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แต่ความร้อนที่นำมาใช้ไม่ได้มาจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน แบบในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนโดยทั่วไป แต่ได้ความร้อนจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชั่นของไอโซโทปยูเรเนียม-235 ที่ดูดกลืนนิวตรอนแล้วเกิดการแตกตัวของนิวเคลียส ปลดปล่อยพลังงานความร้อนและนิวตรอน 2-3 ตัว ออกมา นิวตรอนที่เกิดขึ้นนี้สามารถทำให้สามารถเกิดปฏิกิริยาฟิชชั่นต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ได้
ในขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งรวมถึงการศึกษาด้านเทคนิคและความปลอดภัยของโรงไฟฟ้า และการพิจารณาคัดเลือกเทคโนโลยีและผู้ผลิตโรงไฟฟ้าที่เหมาะสม ซึ่งในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกในปัจจุบันมีระบบการทำงานอยู่ 3 แบบคือ
1.โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แบบน้ำอัดความดัน (PWR)
2.โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แบบน้ำเดือด (BWR)
3.โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แบบน้ำมวลหนัก (CANDU)
ปริมาณแร่ยูเรเนียมที่ผลิตได้จากเหมืองแร่ยูเรเนียมในปัจจุบันมีเพียงพอสำหรับทำเชื้อเพลิงใช้ในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์อีกประมาณ 80 ปี และหากราคายูเรเนียมเพิ่มสูงขึ้นอีก สามารถทำเหมืองแร่แห่งใหม่หรือทำเหมืองแร่เพิ่มขึ้นในที่เดิม (ที่อาจไม่มีความคุ้มค่าที่ราคาปัจจุบันของแร่ยูเรเนียม) ซึ่งจะมีแร่ยูเรเนียมใช้ได้รวมประมาณ 200 ปี ท้ายสุดแล้ว ในน้ำทะเลมีแร่ยูเรเนียมละลายอยู่ในรูปของไอออนประมาณ 4 พันล้านตัน ซึ่งจะสามารถเป็นแหล่งแร่ยูเรเนียมไปได้อีกหลายพันปีเลยทีเดียว
ซึ่งประเทศที่ส่งออกแร่ยูเรเนียมเป็นอันดับต้นของโลกได้แก่ แคนาดา ออสเตรเลีย และคาซัคสถาน
ในปัจจุบัน ทบวงการพลังงานปรมณูระหว่างประเทศ (IAEA) ได้จัดตั้งธนาคารเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ขึ้น เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้สามารถเข้าถึงเชื้อเพลิงยูเรเนียมที่ผ่านการเสริรมสมรรถนะได้โดยไม่จำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีเสริมสมรรถนะของตัวเอง ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และป้องกันการผูกขาดด้านเทคโนโลยีการผลิตเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ด้วย
6.ทำไมโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ต้องอยู่ติดทะเล
เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนขนาดใหญ่ทั่วไป โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ต้องใช้น้ำระบายความร้อนในปริมาณมาก หากตั้งอยู่ติดทะเลสามารถใช้น้ำทะเลที่มีปริมาณมากเพียงพอตลอดปี แต่หากตั้งอยู่ในแผ่นดินใกล้แหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำ หรือ บึงจะต้องพัฒนาแหล่งน้ำหรือสร้างที่กักเก็บน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ ในการปล่อยน้ำระบายความร้อนออกจากโรงไฟฟ้า จะต้องไม่ให้อุณหภูมิของน้ำสูงเกินมาตรฐานตามกฎหมาย หากอยู่ติดทะเลจะไม่มีความจำเป็นต้องสร้างหอระบายความร้อนเพื่อลดความร้อนของน้ำก่อนปล่อยออก เพราะทะเลสามารถกระจายความร้อนออกไปได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อุณหภูมิของทะเลบริเวณรอบๆจุดปล่อยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากอยู่ในแผ่นดินจะต้องสร้างหอระบายความร้อนหรือสร้างบ่อพักเพื่อลดความร้อน ซึ่งทั้งหมดส่งผลให้ต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นด้วย
จะต้องมีการขนส่งอุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากในระหว่างการก่อสร้าง การอยู่ติดทะเลทำให้ง่ายต่อการขนส่ง
7.วิธีจัดการเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว ซึ่งจัดเป็นกากกัมมันตรังสีสูง ทำอย่างไร ?
มีขั้นตอนการดำเนินการ 4 ขั้นตอนใหญ่ ๆ ได้แก่
1. การเก็บแบบชั่วคราว คือ การจัดเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้วไว้ในบ่อน้ำนิรภัย (Spent Fuel Pool Storage) หรือเรียกว่าการเก็บแบบ Wet type เพื่อลดความร้อนของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ยังตกค้างและปล่อยให้สารกัมมันตรังสีที่มี Half life สั้น ๆ สลายตัวไปบางส่วน (บ่อน้ำนิรภัยได้รับการออกแบบให้สามารถเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้วได้มากเพียงพอ เท่ากับอายุการใช้งานของโรงไฟฟ้า คือ 30 ถึง 40 ปี)
http://ansnuclearcafe.org/2014/06/10/spent-fuel-pool-fire-risk-goes-to-zero-a-few-months-after-reactor-shutdown/#sthash.0b1YA9Hp.dpbs
2. การเก็บแบบกึ่งถาวร คือ การนำเชื้อเพลิงที่เก็บชั่วคราวในบ่อน้ำนิรภัยมาแล้วประมาณสองปีขึ้นไป มาเก็บไว้ที่โรงเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้วที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งเรียกว่า Dry spent fuel storage หรือ เรียกว่าการเก็บแบบ Dry type ลักษณะการเก็บจะเก็บไว้ในหลุมซึ่งทำเป็นช่อง ๆ ที่ระดับต่ำกว่าพื้นดิน
https://www.iaea.org/OurWork/ST/NE/NEFW/Technical-Areas/NFC/spent-fuel-management-02-tasks.html
3. การสกัดธาตุสำคัญ หรือเรียกว่า Fuel Reprocessing คือ การนำเชื้อเพลิงใช้แล้วที่เก็บแบบชั่วคราว หรือแบบกึ่งถาวรมาสกัดธาตุยูเรเนียม-235 และพลูโทเนียม-239 ที่โรงงานสกัดเชื้อเพลิงใช้แล้ว เพื่อนำธาตุดังกล่าวกลับมาใช้ใหม่ ส่วนที่เหลือจากการสกัดจัดเป็นกากกัมมันตรังสีสูง
https://www.jaea.go.jp/english/04/tokai-cycle/02.htm
4. การเก็บแบบถาวร คือ การนำเชื้อเพลิงใช้แล้วที่เก็บแบบชั่วคราว หรือแบบกึ่งถาวรหรือกากที่เหลือจากการสกัดธาตุสำคัญ มาบรรจุในภาชนะกำบังรังสีหลายชั้น แล้วนำไปฝังเก็บในชั้นหินแกรนิตหรือหินเกลือที่มั่นคงแข็งแรง ซึ่งผ่านการศึกษาโครงสร้างทางธรณีวิทยา และการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาแล้วอย่างละเอียด
http://www.posiva.fi/en/final_disposal/final_disposal_facility#.V3CXidJ96Uk
โดยในหนึ่งชีวิตของคนหนึ่งคนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เท่านั้น จะก่อให้เกิดเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วที่ผนึกอยู่ในรูปของแก้วที่มีปริมาตรเท่ากันหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น ซึ่งมันน้อยมากเมื่อเทียบกับขยะของเสียที่คนคนหนึ่งผลิตตลอดช่วงชีวิต เช่นขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์
http://www.world-nuclear.org/information-library/energy-and-the-environment/uranium,-electricity-and-climate-change.aspx
กากกัมมันตรังสีระดับต่ำ ได้แก่ ชุดปฏิบัติงาน อุปกรณ์เครื่องมือและน้ำที่ใช้ชำระล้างวัสดุ/อุปกรณ์ที่ปนเปื้อนรังสี เป็นต้น
กากกัมมันตรังสีระดับปานกลาง ได้แก่ ไส้กรองหรือสารกรองของระบบน้ำที่ใช้ในเครื่องปฏิกรณ์ ท่อหุ้มเชื้อเพลิงใช้แล้ว เป็นต้น
กากกัมมันตรังสีระดับสูง ได้แก่ เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว
2.วิธีจัดการกากกัมมันตรังสีระดับต่ำ และปานกลาง ทำอย่างไร ?
วิธีจัดการกากกัมมันตรังสีโดยทั่วไป ได้แก่
กากกัมมันตรังสีชนิดของแข็ง ปล่อยให้สลายตัวแล้วนำไปเผา หรือผสมกับเนื้อซีเมนต์แล้วบรรจุในถังเหล็ก (ขนาด 200 ลิตร) ตั้งไว้บนพื้นดิน (สำหรับรังสีต่ำ หรือนำไปฝังใต้ดินที่ความลึก 5 ถึง 10 เมตร (สำหรับรังสีปานกลาง)
กากกัมมันตรังสีชนิดของเหลว โดยการระเหยน้ำ การเจือจางด้วยสารละลายหรือสารเคมี แล้วทำให้ตกตะกอน จากนั้นนำไปแปรสภาพให้เป็นของแข็งและจัดเก็บเช่นเดียวกับกากกัมมันตรังสีชนิดของแข็ง
กากกัมมันตรังสีชนิดก๊าซ ทำให้เจือจางด้วยอากาศ หรือก๊าซเฉื่อยแล้วผ่านชุดกรองอากาศประสิทธิภาพสูงหลายขั้นตอน จากนั้นนำชุดกรองซึ่งจัดเป็นกากประเภทของแข็งไปจัดการต่อไป
การที่ประเทศมีเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้า (และราคากระแสค่าไฟฟ้าต่ำ) จะช่วยส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นก็จะช่วยเพิ่มการจ้างงานในประเทศด้วย
ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมไม่สามารถใช้เป็นพลังงานพื้นฐานได้เนื่องจาก ไม่สามารถเดินเครื่องได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศว่ามีแสงอาทิตย์หรือความแรงลมเพียงพอในการผลิตกระแสไฟฟ้าหรือไม่ และกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าที่ได้จากแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลมมีค่าต่ำมาก เมื่อเทียบกับกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แบบโรงต่อโรง
2.ในอาเซียนมีประเทศใดที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์บ้าง และจะสร้างเมื่อใด
อินโดนีเซีย เป็นหนึ่งในประเทศที่วางแผนที่จะใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เนื่องจากการที่ประเทศมีลักษณะเป็นเกาะ มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ จึงวางแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าตามเกาะต่าง ๆ ปัจจุบันอินโดนีเซียได้เซ็นสัญญากับหลาย ๆ ประเทศในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์วิจัยขนาดเล็ก และตามแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของประเทศ อินโดนีเซียมีแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์จำนวน 4 โรง โดยที่สองโรงแรกภายในปี 2570 และอีกสองโรงภายในปี 2574
ฟิลิปปินส์ ในอดีตฟิลิปปินส์มีแผนที่จะใช้พลังงานนิวเคลียร์และได้เริ่มการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ตั้งแต่ปี 2527 แต่ได้ระงับโครงการไว้เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยจากเหตุการณ์เชอร์โนบิล แต่ในปัจจุบันได้มีแผนที่จะกลับมาดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ค้างอยู่เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและความต้องการในการใช้พลังงานในอนาคต
มาเลเซีย เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น และจากปัญหาราคาต้นทุนเชื้อเพลิงฟอสซิลสำหรับผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มาเลเซียได้สนใจในการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อรองรับปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของมาเลเซียยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมและเตรียมโครงสร้างพื้นฐานในระดับต้นเท่านั้น
ข้อมูลอ้างอิง : Website เกี่ยวกับสถานการณ์โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในอาเซียน
ประเทศไทยเริ่มมีแนวคิดในการดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในปี 2509 โดย กฟผ. เสนอโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ต่อรัฐบาล ซึ่งได้มีการศึกษาความเหมาะสม และสำรวจคัดเลือกสถานที่ตั้ง แต่ต่อมาในปี 2521 รัฐบาลเลื่อนโครงการ โดยไม่มีกำหนด เนื่องจากพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย
ในปี 2551 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้อนุมัติแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2550-2564 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 (Power Development Plan, PDP 2007: revision 2) ซึ่งกำหนดให้มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในปี พ.ศ. 2563 และ 2564 จำนวนปีละ 1,000 เมกกะวัตต์ รวมจำนวน 2,000 เมกกะวัตต์ และ ครม. ได้เห็นชอบแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ และแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานเพื่อเตรียมการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ จัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (สพน.) และเห็นชอบแผนการดำเนินงานและวงเงินงบประมาณในช่วงเตรียมเริ่มโครงการ 3 ปีแรกระหว่างปี 2551 – 2553
และในปัจจุบัน คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้อนุมัติแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับ พ.ศ. 2558 (Power Development Plan, PDP 2015) ซึ่งกำหนดให้มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในปี พ.ศ. 2569-2579 จำนวน 2,000 เมกกะวัตต์
พลังงานแสงอาทิตย์ 8 บาท/หน่วย
พลังงานลม 6 บาท/หน่วย
อาจส่งผลให้ค่าไฟฟ้ามีราคาสูงขึ้นได้
5.ใช้เงินก่อสร้างเท่าไร และใช้เวลาก่อสร้างนานเท่าไร
โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ได้รับการออกแบบเป็นมาตรฐานสามารถใช้งานได้ทุกพื้นที่ในโลก โดยโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์รุ่นใหม่ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3-4 ปี (เริ่มนับตั้งแต่การเทคอนกรีตครั้งแรกจนถึงการบรรจุเชื้อเพลิง) ค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์รุ่นใหม่ขนาด 1,000 เมกกะวัตต์ อยู่ระหว่าง 1,200 – 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สิ่งที่แตกต่างกันคือ โครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศและลักษณะเฉพาะของสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าแต่ละแห่ง เช่น ค่าแรงงาน การนำเข้า การขนส่ง และราคาวัสดุอุปกรณ์
เนื่องจากวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์จะมีมาตรฐานสูงกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ และชิ้นส่วนหลักๆหลายชิ้นต้องผลิตจากวัสดุเฉพาะโดยวิธีการผลิตแบบเฉพาะ ปัจจัยเฉพาะของสถานที่ตั้งที่นำมาประกอบในการออกแบบการก่อสร้างเพิ่มเติม เช่น ความแรงของแผ่นดินไหว ความลึกของการก่อสร้างฐานราก ระยะทางที่ต้องวางท่อน้ำระบายความร้อน การสร้างที่เก็บกักน้ำ หรือการสร้างหอระบายความร้อน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าในแต่ละสถานที่ในแต่ละประเทศแตกต่างกัน
นอกจากนี้ การก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า ราคาที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับโครงการ เช่น ท่าเรือ ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วย
6.จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใดในประเทศไทย
ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจและคัดเลือกสถานที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยการดำเนินงานตาม พ.ร.บ. คุณภาพสิ่งแวดล้อม มาตรฐานด้านความปลอดภัยของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) (ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โดยตรง แต่ทว่ากำลังอยู่ระหว่างการยกร่างโดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ)
โดยการคัดเลือกสถานที่เริ่มพิจารณาคัดออกหรือหลีกเลี่ยงบางพื้นที่ เช่น พื้นที่สงวน แหล่งชุมชน สนามบินและท่าเรือ รอยแยกของเปลือกโลกที่ยังสามารถเคลื่อนที่ได้ พื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยจากคลื่นสึนามิ แหล่งท่องเที่ยว และพิจารณาแหล่งน้ำระบายความร้อนสำหรับโรงไฟฟ้า เช่น ทะเล หรือแม่น้ำ จากนั้น ดำเนินการสำรวจภาคสนามเพื่อเก็บข้อมูล รวมทั้งเจาะสำรวจโครงสร้างใต้ดิน
7.ประชาชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์จะได้อะไร
ประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในรัศมี 5 กิโลเมตร ที่โรงไฟฟ้าตั้งอยู่ จะได้รับประโยชน์จากกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ซึ่งโรงไฟฟ้าต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ แตกต่างกันตามชนิดของเชื้อเพลิงที่ใช้ เช่น ก๊าซธรรมชาติ 1.0 สตางค์ต่อหน่วย น้ำมันเตา น้ำมันดีเซล 1.5 สตางค์ต่อหน่วย ถ่านหินลิกไนต์ 2.0 สตางค์ต่อหน่วย ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาการเก็บเงินกองทุนสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ หากคิดในอัตราเดียวกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขนาด 1,000 เมกกะวัตต์ จะมีเงินเข้ากองทุนประมาณ 140-150 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ในระหว่างการก่อสร้างและเมื่อเดินเครื่องโรงไฟฟ้าจะมีการสร้างงานจำนวนมาก รวมทั้งมีคนเดินทางเข้าไปทำงานในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจในชุมชน เช่น ที่พักอาศัย ตลาด ศูนย์การค้า มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น มีการสร้างสาธารณูปโภครองรับโครงการ เช่น ถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ ระบบไฟฟ้า-ประปา-โทรศัพท์ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ซึ่งชุมชนโดยรวมจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
8.ทำไมไม่สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่เกาะเนื่องจากประเทศไทยมีเกาะมากมาย
จากการสำรวจเกาะในประเทศไทยพบว่า เกาะที่มีขนาดใหญ่พอที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้วตลอดจนเกาะส่วนใหญ่มีลักษณะของพื้นที่ที่เป็นเขา ทำให้ต้องมีการลงทุนค่อนข้างสูงในการปรับสภาพพื้นผิวดินในการสร้างโรงไฟฟ้ารวมถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับระบบส่งไฟฟ้าในกรณีที่โรงไฟฟ้าอยู่บนเกาะด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้นี้ทำให้เราไม่สามารถหาพื้นที่ที่เป็นเกาะในการสร้างโรงไฟฟ้าได้
9.ทำไมไม่สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในกรุงเทพฯ เนื่องจากในกรุงเทพฯ มีการใช้ไฟฟ้ามาก ทำไมต้องมาสร้างที่ต่างจังหวัด
เนื่องจากการคัดเลือกสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ตามข้อกำหนดของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือ IAEA คือจะต้องห่างไกลจากชุมชนหรือบริเวณที่มีประชากรอาศัยอย่างหนาแน่น ซึ่งรวมถึงสนามบินและท่าเรือทำให้ต้องคัดเลือกสถานที่ที่ประชาชนอาศัยอยู่ไม่หนาแน่นเหมือนในกรุงเทพฯตลอดจนฐานรากที่มั่นคงรวมถึงอีกหลายปัจจัยและถ้าเป็นไปได้สถานที่ตั้งควรเลือกบริเวณที่ติดทะเลเพื่อนำน้ำทะเลมาระบายความร้อนในโรงไฟฟ้า
อุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล (ค.ศ.1986 หรือ พ.ศ.2529) เกิดจากความผิดพลาดของการทดลองในกรณีฉุกเฉิน เพื่อดูว่าระหว่างที่รอเครื่องกำเนิดไฟฟ้าฉุกเฉินทำงาน แรงเฉื่อยจากการหมุนของกังหันไอน้ำเพียงพอที่จะจ่ายไฟฟ้าให้กับปั๊มน้ำเพื่อระบายความร้อนในแกนปฏิกรณ์ได้หรือไม่ ซึ่งความผิดพลาดทั้งหมด รวมถึงการที่บุคลากรควบคุมขาดประสบการณ์และหละหลวมต่อข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ทำให้ระดับกำลังและความร้อนภายในถังปฏิกรณ์เพิ่มขึ้นสูงมากจนกระทั่งหลอมละลายเชื้อเพลิงยูเรเนียมและโครงสร้างภายในถังปฏิกรณ์ และเกิดความดันไอน้ำสะสมขึ้นสูงมาก เนื่องจากโครงสร้างคลุมถังปฏิกรณ์เป็นเพียงกำแพงคอนกรีตธรรมดาของอาคาร ไม่สามารถทนความดันสูงได้จึงเกิดระเบิดจากความดันไอน้ำและปล่อยสารกัมมันตรังสีจำนวนมากออกสู่สิ่งแวดล้อม ภายหลังเกิดเหตุการณ์ได้มีการวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุและนำไปพัฒนาทั้งมาตรฐานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ มาตรฐานด้านอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ และการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันขึ้น
2.ทำไมประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากระเบิดปรมาณู (นิวเคลียร์) อีกทั้งยังเกิดเหตุการณ์ที่ฟุกุชิม่า จึงเลือกใช้พลังงานนิวเคลียร์มาผลิตกระแสไฟฟ้า (ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่เดินเครื่องอยู่จำนวน 43 โรง)
เนื่องมาจากการที่ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและเห็นข้อดีเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์จึงเกิดการยอมรับ รวมถึงประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติในการนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าอีกทั้งประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศอุตสาหกรรมจึงต้องมีการใช้กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก ประเทศญี่ปุ่นจึงนำพลังงานนิวเคลียร์มาช่วยในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งช่วยเพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้าภายในประเทศในระยะยาว ในปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นจึงได้เริ่มทยอยกลับมาเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ใหม่ อีกทั้งแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่นยังคงสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์อยู่ถึง 20-22%
2.ปริมาณรังสีที่ปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีเท่าไร
ปริมาณรังสีที่บุคคลได้รับหากอยู่ใกล้ๆกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เป็นเวลา 1 ปี ในระยะ 2-3 กิโลเมตร มีค่าประมาณ 0.001 มิลลิซีเวิร์ต เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการทำกิจกรรมอื่นๆของมนุษย์ เช่น การบินข้ามทวีป การถ่ายภาพ X-ray ปอด การทำ CT Scan (การทำเอ็กซ์เรย์ภาพตัดของอวัยวะโดยใช้คอมพิวเตอร์) หรือแม้แต่ปริมาณรังสีที่มาจากธรรมชาติที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ที่ทำให้มนุษย์ได้รับปริมาณรังสีมากกว่าปริมาณรังสีที่ปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์หลายเท่า ปริมาณรังสีที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ปล่อยออกมาจึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆแก่มนุษย์เลย
4.ในกรณีถ้ามีการรั่วไหลของรังสีจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์จะทราบได้อย่างไรและจะดำเนินการอย่างไร
สามารถทราบได้กรณีถ้าเกิดการรั่วไหลของรังสี เนื่องจากจะมีการติดตั้งเครื่องวัดรังสีบริเวณรอบโรงไฟฟ้าทั้งในระยะใกล้และระยะไกลซึ่งสามารถตรวจสอบได้ตลอด 24 ชั่วโมงและเครื่องปฎิกรณ์นิวเคลียร์จะมีระบบอัตโนมัติหยุดการทำงานของเครื่องในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุมีการรั่วของรังสีออกมา ในขณะเดียวกันรัฐบาลจะมีมาตราการเตรียมพร้อมในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นในการอพยพประชาชนรอบโรงไฟฟ้า แต่อย่างไรก็ตามการรั่วไหลของรังสีนั้นเป็นไปได้ยากมาก
5.รังสีจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในภาวะเดินเครื่องปกติจะมีผลต่อชุมชนรวมทั้งพืชไร่และผลิตผลการเกษตรที่อยู่บริเวณรอบโรงไฟฟ้าหรือไม่
ในภาวะการเดินเครื่องตามปกติของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์จะไม่มีการปล่อยรังสีออกสู่สิ่งแวดล้อม เกินมาตรฐานปกติที่ควบคุมโดย IAEA จึงไม่เป็นอันตรายหรือมีผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมรวมถึงพืชไร่และผลิตผลทางการเกษตรรอบโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งบริเวณพื้นที่รอบ ๆ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในต่างประเทศหลาย ๆ ประเทศก็ยังมีการทำการประมง เกษตรกรรมตามปกติ และการท่องเที่ยวในพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้าตามปรกติ
1.ถ้ามีความผิดปกติเกิดขึ้นขณะที่เครื่องปฎิกรณ์นิวเคลียร์กำลังเดินเครื่องจะมีวิธีการควบคุมเหตุการณ์นี้อย่างไร
2.โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีโอกาสระเบิดเหมือนระเบิดนิวเคลียร์ หรือไม่
การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีมาตรฐานที่สูงและจะอยู่ภายใต้การดูแลของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งขึ้นตรงกับองค์กรสหประชาชาติ (UN) เพราะฉะนั้นการคอรัปชั่นจึงเป็นเรื่องที่ยาก เพราะถ้าโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่สร้างมาไม่ได้มาตราฐานหรือไม่ได้การรับรองจาก IAEA โรงไฟฟ้านั้นก็ไม่สามารถเปิดดำเนินการได้
4.คนไทยไม่มีความรับผิดชอบ จะมีการกำกับดูแลความปลอดภัยโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์อย่างไร
เจ้าหน้าที่เดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ต้องเข้าหลักสูตรการอบรมเฉพาะทางโดยยึดถือความปลอดภัยเป็นมาตรการสูงสุดเมื่อสอบผ่านได้รับการอนุญาติให้เดินเครื่องปฏิกรณ์ฯแล้วยังต้องได้รับการควบคุมการปฏิบัติงานจากเจ้าหน้าที่เดินเครื่องปฏิกรณ์อาวุโสอีกต่อหนึ่ง ที่ผ่านมา 47 ปี การเดินเครื่องปฏิกรณ์วิจัยโดยคนไทยได้ดำเนินมาโดยปราศจากเหตุการณ์ใดๆที่ก่อให้เกิดรังสีรั่วไหลหรืออุบัติเหตุนิวเคลียร์แต่อย่างใด นอกจากนี้พ.ร.บ. พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (อยู่ระหว่างดำเนินการ) ยกร่างโดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จะกำกับดูแลความปลอดภัยโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์กำหนดให้ผู้เดินเครื่องโรงไฟฟ้าจะต้องขออนุญาตด้านความปลอดภัยในทุกขั้นตอนตั้งแต่สถานที่ตั้ง แบบปฏิกรณ์ การก่อสร้าง และการเดินเครื่อง นอกจากนี้ การดำเนินการทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency, IAEA) ซึ่ง IAEA จะเข้ามาตรวจสอบโรงไฟฟ้าก่อนการเดินเรื่อง ตรวจสอบการเคลื่อนย้ายเชื้อเพลิง เข้าออกจากแกนปฏิกรณ์ ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามการทำงาน และสุ่มตรวจโดยไม่แจ้งล่วงหน้าปีละ 2-3 ครั้ง